‘ขมิ้นชัน’ สารสำคัญ กับอนาคตในการรักษาโควิด-19
‘ขมิ้นชัน’ สารสำคัญ กับอนาคตในการรักษาโควิด-19
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกตื่นตัวกับการพยายามคิดค้นยาและวัคซีนเพื่อต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ แต่การแพร่กระจายที่รวดเร็วเกินควบคุม นักวิทยาศาตร์และแพทย์จึงได้นำยาอย่าง ไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) และ เนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir) มาใช้เพื่อประคองอาการของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้แต่เดิมถูกคิดค้นมาเพื่อใช้รักษาโรคมาลาเรียและโรคเอดส์ ในขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำการวิจัยทดลอง เพื่อค้นคว้าหาตัวยาและวัคซีนตัวใหม่ควบคู่ไปด้วย จึงได้มีการทดลองนำสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น จากขมิ้นชัน และฟ้าทะลายโจร มาทำการสอบวัดประสิทธิภาพในการเกาะกับบริเวณที่ทำปฏิกิริยาของเอนไซม์จากไวรัสโควิด-19 เพื่อหาว่า สารตัวใดมีความสามารถในการยึดเกาะได้ดีที่สุด
ผลการทดลองพบว่า สารทางเคมีที่ได้จากขมิ้นชัน อย่าง ไซโคลเคอร์คูมิน และเคอร์คูมิน มีความสามารถในการยึดเกาะกับบริเวณที่ทำปฏิกิริยาของเอนไซม์จากไวรัสโควิด-19 ได้ดีมากกว่ายาไฮดรอกซีคลอโรควิน และเนลฟินาเวียร์ ที่ถูกนำมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้น จึงมีความเป็นไปได้มากว่า ในอนาคตขมิ้นชันจะถูกนำมาวิจัยและพัฒนามากขึ้น เพื่อช่วยกอบกู้วิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้
แต่ด้วยข้อจำกัดในการดูดซึมของสารเคอร์คูมินที่ต่ำมาก หากรับเข้าร่างกายผ่านการรับประทานตามปกติ (น้อยกว่า 1%) จึงมีการพัฒนา ‘นาโนเคอร์คูมิน’ มาใช้ เพราะสามารถทำให้สารจากเคอร์คูมินดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและคงประสิทธิภาพได้ดีกว่ามาก
การใช้เทคโนโลยีนาโนไลโปโซมก็เป็นอีกตัวช่วยสำคัญที่จะนำส่งสารจากขมิ้นเข้าสู่ร่างกายได้อย่างทรงประสิทธิภาพและปลอดภัย เพราะคุณสมบัติของไลโปโซมที่มีความเป็นมิตรกับร่างกายมนุษย์ จากโครงสร้างที่เหมือนเยื่อหุ้มเซลล์ ป้องการสารอาหารจากการถูกทำลายจากระบบย่อยอาหารตามปกติ ทำให้เคอร์คูมิน หรือสารจากขมิ้นถูกนำส่งเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้อย่างเต็มที่และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
ในประเทศไทยเทคโนโลยีไลโปโซมถูกนำเข้ามาผ่านบริษัท สุพรีม ฟาร์มาเทค โรงงานเภสัชกรรมยุคใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ทางโภชนเภสัชจากธรรมชาติ ซึ่งเทคโนโลยีไลโปโซมจะช่วยยกระดับรูปแบบการผลิตยา อาหารเสริมและเครื่องสำอาง และจะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเสริมของประเทศไทย
Original publisher: Springer
Original study: https://fjps.springeropen.com/articles/10.1186/s43094-020-00126-x