ปรอทเป็นธาตุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในเปลือกโลกซึ่งสามารถพบได้ในอากาศน้ำและดิน และมักพบในรูปแบบดั้งเดิม (ในรูปของหยดของเหลว บนหิน) บ่อยครั้งที่จะได้ปรอทจากการเผาแร่ปรอทที่มีอยู่ตามธรรมชาติ [1] สารปรอทจะถูกปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมเมื่อเกิดการระเบิดของภูเขาไฟ การผุกร่อนของหินและผลจากการกระทำของมนุษย์ โดยสาเหตุหลักของการปล่อยสารปรอทสู่สิ่งแวดล้อมก็คือกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าถ่านหิน การเผาไหม้ของถ่านในบ้านเรือนเพื่อให้ความร้อนและปรุงอาหาร กระบวนการทางอุตสาหกรรม การใช้เตาเผาขยะตลอดจนการขุดปรอท ทองและโลหะอื่น ๆ [2]
เมื่อได้รับการปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม ปรอทจะสามารถเปลี่ยนรูปให้เป็นเมทิลเมอร์คิวรี่ได้ภายใต้อิทธิพลของแบคทีเรีย จากนั้นเมทิลเมอร์คิวรี่จะสะสมอยู่ในปลาและหอย และจะถูกถ่ายทอดไปให้ผู้บริโภคตามลำดับการกินผ่านปลานักล่าซึ่งเป็นผลมาจากการกินปลาตัวเล็ก ๆ จำนวนมากที่ยอมจำนนต่ออิทธิพลของมัน
ปรอทมีหลายรูปแบบและได้รับการแบ่งประเภทตามระดับของความเป็นพิษและผลกระทบที่มีต่อร่างกาย:
รูปแบบพื้นฐาน (โลหะ)
- รูปแบบอนินทรีย์ (อาจได้รับจากสถานที่ทำงาน)
- รูปแบบอินทรีย์ (เช่น เมทิลเมอร์คิวรี่ อาจได้รับในขณะที่รับประทาน โดยส่วนใหญ่จากการรับประทานปลาและหอย)
สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นระหว่างการบริโภคเมทิลเมอร์คิวรี่ที่อยู่ในอาหารและผ่านการสูดดมสารปรอทในกระบวนการทางอุตสาหกรรม กรรมวิธีการทำอาหารด้วยความร้อนไม่สามารถทำลายสารปรอทได้ ทุกคนจะต้องได้รับสารปรอทในระดับใดระดับหนึ่งโดยไม่มีข้อยกเว้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่ชนิดและปริมาณของปรอท อายุหรือระยะพัฒนาการของผู้ได้รับสาร ระยะเวลาและรูปแบบของการได้รับสารปรอทเพียงเท่านั้น [3] [4] [5 ] [6]
บริษัทจำนวนมากในอุตสาหกรรมความงามที่ผลิตครีมทำให้ผิวขาวซึ่งมีสารปรอท ส่งผลให้เกิดความเป็นพิษและการหยุดชะงักในการทำหน้าที่ของร่างกาย [7] [8]
เป็นที่ทราบกันดีว่าสารปรอทสามารถสะสมได้และถูกสะสมภายในร่างกาย ส่งผลให้การป้องกันกระบวนการออกซิเดชั่นลดน้อยลง เพิ่มความเครียดออกซิเดชั่น ส่งเสริมกระบวนการอักเสบและการเกิดลิ่มเลือด ทำให้เกิดความผิดปกติของไมโทคอนเดรีย และเป็นสาเหตุให้มีการนำคอเลสเตอรอลไปทำลายที่ตับลดน้อยลง นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดการผลิตไนตริกออกไซด์ (และสารอนุมูลอิสระอื่น ๆ) มากเกินไปซึ่งส่งผลต่อไขมันในเยื่อหุ้มเซลล์และเป็นสาเหตุให้เกิดกระบวนการ lipid peroxidation การตายของเนื้อเยื่อและการตายของเซลล์ [9]
การได้รับปรอทเป็นระยะเวลานานสามารถก่อให้เกิดความผิดปรกติในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น:
- ความผิดปกติทางระบบประสาทและพฤติกรรม [10] [11] [12] [13]
- โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด (หลอดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตาย, ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจขาดเลือด, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, การอุดตันของเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง, อุบัติเหตุจากหลอดเลือดในสมอง, ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งทั่วไป ฯลฯ) [14] [15] [16] [17] [18]
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน [19] [20]
- ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ [21] [22]
- ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ [23] [24]
- พยาธิสภาพของปอด [25] [26]
- โรคไต (ความผิดปรกติของไต, ไตอักเสบ, โรคไตเรื้อรัง, ความชรา) [27] [28] [29] [30]
- พยาธิสภาพของตับ [31] [32] [33]
- โรคผิวหนัง (รอยดำ, ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส, ตุ่มหรือก้อนเนื้อเยื่อของผิวอักเสบ) [34]
- พยาธิสภาพของตา [35] [36] [37]
- โรคเกี่ยวกับข้อต่อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน [38]
- ความเสี่ยงต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์และพัฒนาการช่วงแรกของเด็ก [39] [40] [41]
- สามารถนำไปสู่ความตายได้ [42] [43]
จากข้อมูลในการวิจัย เคอร์คูมินเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของกระบวนการทางพยาธิวิทยาในร่างกายที่มีสาเหตุมาจากสารพิษ [44]
เคอร์คูมินคือสารเคอร์คูมินอยด์ที่สำคัญ [45] ซึ่งพบได้ในหัวขมิ้นชัน [46]
เคอร์คูมินเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่ได้รับการทดสอบมากที่สุดตัวหนึ่งจากการศึกษาในห้องทดลองพบว่าเคอร์คูมินเป็นเครื่องมือในการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือรักษาผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งมีสาเหตุมาจากปรอทในร่างกาย เคอร์คูมินยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการผ่านแนวกั้นระหว่างเลือดและสมอง [47] เพื่อออกฤทธิ์ในการป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเพื่อที่จะลดจำนวนของสารอนุมูลอิสระ [48] เคอร์คูมินช่วยจับและขับพิษ [49] ของโลหะ ช่วยปรับปริมาณ GSH [50], SOD [51] และ CAT [52] ให้อยู่ในสภาพปรกติ ปกป้องฮีโมโกลบิน [53] จากการเกิดออกซิเดชัน [54], ทำปฏิกิริยากับองค์ประกอบของเนื้อเยื่อและป้องกันการเกิดกระบวนการ lipid peroxidation [55] ภายในไมโครโซม [56] เม็ดเลือดแดงและโฮโมจีเนตในสมอง [57] [58] [59] [60] [61]
นอกจากนั้น ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมในห้องทดลอง เคอร์คูมินยังแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาอีกหลายอย่าง เช่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ป้องกันหัวใจ ป้องกันตับ ต้านอาการซึมเศร้า เพิ่มภูมิคุ้มกัน ฯลฯ [62]
โชคร้ายที่สิ่งที่ค้นพบในเบื้องต้นเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนให้นำมาทดลองกับมนุษย์เนื่องจากปริมาณชีวปริมาณออกฤทธิ์ที่ต่ำมากของเคอร์คูมิน ซึ่งมีไม่เกินร้อยละ 0.1 โดยประมาณ [63] ชีวปริมาณออกฤทิ์ที่ต่ำนี้ทำให้เคอร์คูมินไม่สามารถแสดงศักยภาพในการรักษาได้เมื่อได้รับในรูปของผงหรือสารสกัด
จะเห็นได้ว่าการค้นคว้าเกี่ยวกับเคอร์คูมินในห้องทดลองได้ก่อให้เกิดความสนใจในเคอร์คูมินเพิ่มขึ้นมากทั่วโลก โดยจะเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในแทบทุกเว็บไซต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะมีส่วนผสมที่ทำจากผงหรือสารสกัดของขมิ้นชันจำหน่ายมากมายรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของเคอร์คูมินที่มีต่อโรคต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก การนำเสนอข้อมูลโดยวิธีนี้ถูกนำมาใช้สร้างกรอบความคิดในเวลาที่การค้นพบจากห้องทดลองถูกตีความว่าเป็นผลจากการทดสอบทางคลินิก ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสารสกัดและผงของขมิ้นชั้นไม่สามารถทำปฏิกิริยาทางเภสัชวิทยาได้เหมือนกับที่เคอร์คูมินได้แสดงให้เห็นจากการวิจัยในห้องทดลอง
การเพิ่มชีวปริมาณออกฤทธิ์ของเคอร์คูมินกลายมาเป็นหัวข้อในการวิจัยของคนหลายกลุ่มในหลายช่วงทศวรรษที่ผ่านมา [64] ในปัจจุบัน มีการพัฒนาเทคโนโลยีมากมายเพื่อเพิ่มชีวปริมาณออกฤทธิ์ของเคอร์คูมิน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับการนำส่งสารออกฤทธิ์เข้าไปในกระแสเลือดก็คือไลโปโซม [65]
เทคโนโลยีในการนำส่งเคอร์คูมินโดยใช้ไลโปโซมนั้นทำให้สามารถนำฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่ต้องการมาใช้ในมนุษย์และสัตว์ได้ ซึ่งสามารถเห็นได้จากการศึกษาทางห้องทดลองที่มีมากมายหลายพันครั้ง [66] [67] [68]
References:
1 https://en.wikipedia.org/wiki/Cinnabar
2 https://en.wikipedia.org/wiki/Mercury_(element)
3 https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/mercury-and-health
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Mercury_poisoning
5 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3253456/
6 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3988285/
7 https://www.paho.org/hq/dmdocuments/2017/2017tn.mercury.products.pdf
8 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5742931/
9 https://www.who.int/ipcs/publications/cicad/en/cicad50.pdf?ua=1
10 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3395437/
11 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5931703/
12 https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fnmol.2018.00125/full
13 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3893560/
14 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3395437/
15 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5295325/
16 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5588423/
17 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6108832/
18 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5923699/
19 http://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.562.8809&rep=rep1&type=pdf
20 https://www.intechopen.com/books/autoimmune-diseases-contributing-factors-specific-cases-o
f-autoimmune-diseases-and-stem-cell-and-other-therapies/immune-complex-deposits-as-
feature-of-mercury-induced-sle-like-autoimmune-process-i
21 https://www.jpmph.org/m/journal/view.php?number=1215
22 https://www.researchgate.net/publication/50833778_The_endocrine_disruptive_effects_of_mercury
23 https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/bcpt.13264
24 https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1687428519300391
25 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6265773/
26 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4531943/
27 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6088787/
28 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2827581/
29 https://bmcnephrol.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12882-019-1413-z
30 https://www.journalhealthpollution.org/doi/pdf/10.5696/2156-9614-5-9.25
31 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5336614/
32 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5717329/
33 https://www.researchgate.net/publication/314505294_Mercury_vapor_caused_liver_
damage_in_female_rats_A_histopathological_and_stereological_study
34 https://pdfs.semanticscholar.org/7332/da0389ff2ae45cd256b352ca37d47a570ffe.pd
35 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4136938/
36 https://www.longdom.org/open-access/ophthalmic-findings-of-acute-mercury-poisoning-in-primary-
school-students-2161-0495.S1-010.pdf
37 https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0220859
38 https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fmed.2019.00168/full
39 https://www.tandfonline.com/doi/pdf/10.1080/15563650902866911
40 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5428306/
41 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3096006/
42 https://neuro.psychiatryonline.org/doi/full/10.1176/jnp.2008.20.4.iv
43 https://www.thelancet.com/journals/lanplh/article/PIIS2542-5196(20)30057-7/fulltext
44 https://en.wikipedia.org/wiki/Curcumin
45 https://en.wikipedia.org/wiki/Curcuminoid
46 https://en.wikipedia.org/wiki/Turmeric
47 https://en.wikipedia.org/wiki/Blood%E2%80%93brain_barrier
48 https://en.wikipedia.org/wiki/Reactive_oxygen_species
49 https://en.wikipedia.org/wiki/Chelation
50 https://en.wikipedia.org/wiki/Glutathione
51 https://en.wikipedia.org/wiki/Superoxide_dismutase
52 https://en.wikipedia.org/wiki/Catalase
53 https://en.wikipedia.org/wiki/Hemoglobin
54 https://en.wikipedia.org/wiki/Redox
55 https://en.wikipedia.org/wiki/Lipid_peroxidation
56 https://en.wikipedia.org/wiki/Microsome
57 https://en.wikipedia.org/wiki/Homogeneity_and_heterogeneity
vital-organs-of-experimental-rats-and-leads-to-prevent-hepatic-and-renal-toxicity/?view=fulltext
59 https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1319562X18302560
60 https://www.academia.edu/15996320/Detoxification_and_antioxidant_effects_of_curcumin_in_rats_
experimentally_exposed_to_mercury
61 http://juzoology.ac.in/images/publication/ProfSangeetaShukla/2017%20(4).pdf
62 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5664031/
63 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6770259/
64 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3918523/
65 https://en.wikipedia.org/wiki/Liposome
66 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3519006/
67 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5557698/
68 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5077137/